สาเหตุมอเตอร์ร้อนเกินปกติ — วิธีตรวจเช็คและป้องกันเพื่อยืดอายุการใช้งาน

มอเตอร์ไฟฟ้าเป็นหัวใจของระบบขับเคลื่อนในอุตสาหกรรม แต่เมื่อมอเตอร์มีอุณหภูมิสูงเกินปกติ จะส่งผลให้ฉนวนขดลวดเสื่อม อายุการใช้งานสั้นลง และเสี่ยงต่อการไหม้ บทความนี้รวบรวมสาเหตุหลักของการร้อนผิดปกติ วิธีตรวจเช็ค และแนวทางป้องกันเชิงปฏิบัติที่ช่วยยืดอายุการใช้งานและลดความเสี่ยงในโรงงาน

สาเหตุหลักที่ทำให้มอเตอร์ร้อนเกินปกติ

 

  1. ปัญหาจากการใช้งาน (Load-related)
  • โหลดเกินกำลัง (Overload): มอเตอร์ถูกใช้งานเกินพิกัด ทำให้กระแสสูงและความร้อนสะสมรวดเร็ว
  • โหลดไม่สมดุล (Unbalanced load): โดยเฉพาะระบบ 3 เฟส กระแสไม่เท่ากันในแต่ละเฟสก่อให้เกิดความร้อนเฉพาะจุด
  • แรงบิดเริ่มต้นสูง/สตาร์ทบ่อย (High starting torque / Frequent starts): การสตาร์ทซ้ำหรือสตาร์ทด้วยโหลดหนักเพิ่มกระแสสตาร์ทและความร้อน
  1. ปัญหาจากระบบไฟฟ้า (Electrical issues)
  • แรงดันไฟฟ้าไม่เหมาะสม (Over/Under Voltage): แรงดันผิดพิกัดทำให้มอเตอร์ทำงานผิดปกติและเกิดความร้อน
  • ไฟตกหรือไฟกระชาก (Voltage sags/spikes): ทำให้มอเตอร์ทำงานไม่เสถียรและสะสมความร้อน
  • ค่าเพาเวอร์แฟกเตอร์ต่ำ (Low power factor): ทำให้กระแสสูงเกินจำเป็นและเพิ่มความร้อน

  1. ปัญหาภายในมอเตอร์ (Motor condition)
  • ระบบระบายความร้อนไม่เพียงพอ: พัดลมเสีย ช่องระบายอากาศอุดตัน หรือติดตั้งในตำแหน่งอับอากาศ
  • ลูกปืนสึกหรอ (Bearing wear): แบริ่งสึกทำให้เกิดแรงเสียดทานเพิ่มและความร้อนบริเวณตลับลูกปืน
  • การหล่อลื่นไม่ถูกต้อง: น้ำมัน/จาระบีขาดหรือมากเกินไป ส่งผลให้เกิดความร้อน
  • ขดลวดเสื่อม/ลัดวงจรภายใน (Winding degradation/short): ฉนวนเสื่อมทำให้เกิดการรั่วไหลและความร้อน
  1. สภาพแวดล้อม (Environmental factors)
  • อุณหภูมิรอบข้างสูง: ติดตั้งในห้องปิดหรือใกล้แหล่งความร้อน ทำให้การระบายความร้อนลดลง
  • ฝุ่น ความชื้น และสารปนเปื้อน: อุดตันช่องลมและทำให้ฉนวนเสื่อมเร็วขึ้น
  • การติดตั้งไม่เหมาะสม: ติดตั้ง靠ผนังหรือไม่มี clearance พอสำหรับการระบายอากาศ

วิธีตรวจเช็คและเครื่องมือแนะนำ

  • วัดอุณหภูมิด้วย IR thermometer หรือ thermal camera: ตรวจหาจุดร้อนบนตัวมอเตอร์และตลับลูกปืน
  • วัดกระแสไฟฟ้า (Clamp meter): ตรวจสอบกระแสเทียบกับค่าสเปคบนแผ่นป้ายมอเตอร์
  • ตรวจสอบความสมดุลของเฟส (Phase sequence tester / 3-phase meter)
  • ตรวจวัดฉนวนด้วย Megger (Insulation resistance tester) เพื่อหา leakage/ground fault
  • ตรวจสอบการสั่นสะเทือนและเสียง (Vibration analyzer) ช่วยระบุปัญหาแบริ่งและความไม่สมดุล

แนวทางป้องกันและการบำรุงรักษาเชิงปฏิบัติ

  • เลือกมอเตอร์ให้เหมาะสมกับโหลดจริง และเผื่อ Service Factor เมื่อจำเป็น
  • ติดตั้ง Overload relay และระบบป้องกันแรงดัน (under/over voltage protection)
  • ทำความสะอาดช่องลมและพัดลมระบายความร้อนอย่างสม่ำเสมอ
  • ตรวจสอบและหล่อลื่นลูกปืนตามคู่มือผู้ผลิต (ไม่เติมจาระบีเกินหรือขาด)
  • ตรวจสอบฉนวนขดลวดด้วย Megger ตามรอบที่กำหนด และซ่อมพันขดลวด (rewind) หากจำเป็น
  • ติดตั้งมอเตอร์ในพื้นที่ที่มีการถ่ายเทอากาศเพียงพอ และหลีกเลี่ยงการติดตั้งใกล้แหล่งความร้อน
  • วิเคราะห์เทรนด์ข้อมูล (temperature, current, vibration logs) เพื่อคาดการณ์การเสื่อมสภาพก่อนเกิดเหตุใหญ่

สรุป
การควบคุมอุณหภูมิของมอเตอร์ เป็นหัวใจของการยืดอายุการใช้งานและป้องกันความเสียหายรุนแรง การทราบสาเหตุที่ทำให้มอเตอร์ร้อนเกินปกติและปฏิบัติตามแนวทางการตรวจเช็คและบำรุงรักษาที่ถูกต้องจะช่วยลดความเสี่ยง เพิ่มความน่าเชื่อถือของระบบ และลดต้นทุนการซ่อมบำรุงในระยะยาว